วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พระเครื่องหลวงพ่อมนัส วัดทุ่งจันดำ

   ไปเยี่ยมญาติที่ จ.ตราดมา..เลยแวะทำบุญที่วัดโคกเกวียนลอย (ทุ่งจันดำ) อ.เขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี ได้พระเครื่องมาบูชาอย่างละองค์.. หลวงพ่อมนัส มนฺตชาโต..ท่านสงเคราะห์รักษาคนเป็นมะเร็งไม่คิดเงิน...ทั้งที่ค่าตัวยานั้นแพงมากๆ

ได้พระเครื่องของ หลวงพ่อมนัส มาบูชา ๕ องค์


องค์แรกชื่อพระพิทักษ์โรคา ...หลวงพ่อมนัสท่านคงขอพรมาด้านรักษาโรคภัยไข้เจ็บ...ด้านหลังเหรียญอัญเชิญตรา ภปร. ประทับไว้


องค์ที่สอง..เหรียญกระทิงดำ..นี่คงเป็นสายคุ้มครองป้องกันภัย เพราะท่านทำแจกทหารกองพันกระทิงดำ ประสบการ์ณเยอะครับเหรียญรุ่นนี้


องค์ที่สาม...ชื่อรุ่นหมดหนี้ คงเด่นทางลาภผลการเงินคล่องตัวครับถึงได้ชื่อรุ่นหมดหนี้


องค์ที่สี่ พระกริ่งปะริต เนื้อสำริด พร้อมทั้ง พระยอดธงองค์เล็กอีกหนึ่งองคฺ์ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาลง


องค์ทีห้า...พระสมเด็จดวงดี


องค์พระไม่มีตัวหนังสือใดๆเป็น พระสมเด็จสามชั้นในซุ้ม.. เนื้อผงยาจินดามณี นานๆจะมีซักที่ พระเนื้อผงยาจินดามณี..เนื่องจากหาตัวยายากและมีราคาแพง


ที่ขาดไม่ได้คือ ตะกรุดโทน ดอกใหญ่ยาวประมาณห้านิ้ว

เรียกว่า..ตะกรุดพรานพิฆาติ..พร้อมผ้ายันต์..แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเนื่องจากผืนใหญ่


และไปเห็นลูกอมผงยาจินดามณีเข้าครับเปรียบเป็นยาวิเศษในตำราสมัยโบราณ ... เลยบูชามาสองลูก...เอาไว้ถึงคราวจำเป็นเจอโรครักษายากคงได้ใช้


 เรื่องของสรรพคุณ ... ยาจินดามณี...

ไม่ได้สอบถามจากหลวงพ่อมนัสมาเองเพราะไม่เจอท่าน แต่หลวงพ่อมนัสท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเพิ่ม วัดกลางบางแก้ว


สรรพคุณยาจินดามณี ที่รับทราบมาจาก สายหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว

   มีมวลสารอีกชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็นสุดยอดของความหายากและ ผสมยาก คือ ผงยาจินดามณี หรืออาจจะเรียกผงยาวาสนาจินดามณี นอกจากมีพุทธคุณแล้วยังมีสรรพคุณรักษาโรคได้นานาชนิด
   ตำรับแห่งยา จินดามณี เป็นตำรับที่ตกทอดมาถึงพระพุทธวิถีนายกหรือหลวงปู่บุญ อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นตำรับคู่มากับวัดกลาง บางแก้ว นับเป็นตำรับเก่าแก่เล่ากันว่าเป็นตำรับของ สมเด็จพระวันรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา ฉบับที่มาอยู่วัดกลางบางแก้วเป็นตำรับสมุดข่อย ลงทองล่องชาดกล่าวเอาไว้ถึงกรรมวิธีการสร้างที่พิสดารและอานุภาพอัศจรรย์ อย่างยิ่ง

   ท่านมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยไม่มีหมอรักษาเนื่องจากสมัยโบราณคนไทยยังต้องอาศัยหมอพื้นบ้านและยาพื้นบ้าน ท่านจึงคิดค้นยาโบราณที่อาจเรียกได้ว่าเป็น ยาขนานวิเศษ เป็นยาที่ทำด้วยสมุนไพรที่หายาก ตำรับยาส่วนผสมของ ยาจินดามณีได้พรรณนาเอาไว้อย่างกว้างๆในเบื้องต้นของตำราว่า
   จินดา มณีโอสถพิพาสประกอบดอกคราดดอกจันทน์เกสรบุษบัน เปราะหอมกำยาน โกฐสอ โกศเขมาทองน้ำประสาน เปลือกกุ่มชลธาร กรุงเขมาเท่ากัน ผสมแล้วตำบดพิมเสน ชะมด น้ำผึ้ง รวงรัน กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขือ ขื่อดั้น ผสมยาเข้าด้วยกัน บดปั้นตากกิน เป็นยาวาสนา เลิศล้ำตำราในโลกแผ่นดิน อุปเท่ห์กล่าวไว้ ผู้ใดได้กินจะสวัสดิ์โสภิณกว่าคนทั้งหลาย พัสดุ เงินทอง จักพูนกูลนอง กว่าโลกหญิงชายนำมาบูชาอหิวาต์ก็วิวาย ระงับอันตราย ทั้งสี่กิริยา โทษหนักเท่าหนัก มาตรแม้นประจักษ์ถึงกาลมรณา ถ้าแม้นใครกินซึ่งยาวาสนากลับน้อยถอยคลาเคลื่อนคลายหายเอย

สรรพคุณ ยาจิดามณี...ถือว่ารักษาโรคได้ครอบจักรวาลเช่น แก้โรคจักษุ ๖ แก้ในจมูก ๓ ประการ ในลิ้น ๖ ประการ ในฟันในท้อง ๔ ประการ แก้ไข้บั้นปลายก็ได้ แก้ลมมหาสดมภ์ แก้ลมราชยักษ์ กุมภกัณฑ์ยักษ์ แก้อ่อนเปลี้ยเพลียใจ คลื่นไส้อาเจียน เป็นยาครรภ์รักษา แก้หัวพิษ หัวกาฬ ละลอกน้ำ ละลอกไฟ ผิวเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ตายไปทั้งตัวก็ดี ฝ่ายซ้ายขวาก็ดี ตีนมือ คางขากรรไกรก็ดี หาสมประดีไม่ได้ไซร้ให้เอา หญ้าฝรั่น พิมเสน ทองคำ บดด้วยยาละลายกรองลงไปได้สติลืมตา มีน้ำตาไหล น้ำลายยืด แล้วหายแล ถ้าคนไข้บีบมือเหมือนจะออกคำ แต่ออกมิได้ให้เอาดีหมีก็ได้ ถ้าไม่มีดีงูก็ได้ ต้มน้ำให้ละลายประมาณครึ่งถ้วยพริก ใส่เหล้าครึ่งหนึ่งให้กินเถิด ถึงเสลดหางวัวตีขึ้นก็จักกลับหาย หายมามากแล้ว เป็นต้น
    นอกจากนี้แล้วยีงมีคติความเชื่อและคำบอก เล่าต่อๆกันมาว่า หากแต่ถ้ายังไม่รับประทานก็นิยมพกพาติดตัวเพราะเชื่อว่ายาวาสนาจินดามณี ชื่อวาสนาเป็นชื่อที่มงคลแก่ตัวเองในปัจจุบันและได้บรรจุอาคมเข้าไปเพื่อ ช่วยรักษาโรคต่างๆ สารพัดโรค ตามแต่ผู้รับประทานจะอธิษฐานและช่วยในเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ
   แม้ผงยาจินดามณีจะขึ้นชื่อว่ามีทั้งพุทธคุณและสรรพคุณสูงแต่มักไม่มีนักสร้าง วัตถุมงคลกล้าลงทุนสร้าง เพราะมวลสารผสมยาจินดามณีส่วนใหญ่เป็นของหายากและมีราแพง เช่น งาช้างน้ำ งาช้างบก งากำจัด งากำจาย และเขากวางหลุด เป็นต้น

แต่ที่หายากแบบสุดๆ มี ๓ ชนิด คือ

๑.อำพัน ปลาวาฬซึ่งเป็นน้ำเชื้อของปลาวาฬที่ผ่านการผสมพันธุ์แล้วหลุดลอยขึ้นมาเหนือ ผิวน้ำระหว่างสัมผัสกับน้ำทะเลก็จะแข็งตัวคล้ายๆ กับพลอยสีเหลือง ทั้งนี้ชาวประมงที่พบเห็นจะเก็บและหวงแหนมากเพราะถือเป็นของหายาก และใช้เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง มีคุณทางเมตตาและแคล้วคลาด ราคาซื้อขายกันหลักแสนต่อเม็ด (ขนาดใหญ่กว่านิ้วแม่มือเล็กน้อย)

๒.น้ำ นมเสือหย่า (เสือคัด) ซึ่งเป็นน้ำนมของแม่เสือที่ไม่อยากให้ลูกกินนม เนื่องจากลูกฟันขึ้นแล้วเมื่อกินก็จะรู้สึกเจ็บ ดังนั้นแม่เสือจะเอาลำตัวไปนาบลงบนแผนหินเพื่อให้นมไหลออกมา ซึ่งพบในป่าลึกตามผนังถ้ำ หรือแผ่นหิน ราคาซื้อขายไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๒ แสนบาท และ

๓.นอแรด แม้จะหาไม่ยากแต่มีราคาแพงมากต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเท่านั้น ราคา นอละไม่ต่ำกว่า ๑ ล้านบาท